หนึ่งในความประทับใจ "โรงเรียนของฉัน"
มารู้จักกับ "โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ" กันเถอะ

โรงเรียนนี้มีชื่อว่า
โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระาชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
อักษรย่อ ว.ศ.
ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
Winitsuksa School Under The Partronage of Her Royal Highness Princess Mahachakri Sirindorn
เปิดสอนประเภท สามัญศึกษาในระบบ
ระดับที่เปิดสอน ตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย (ช่วงชั้นที่ 3-4)
ตั้งอยู่เลขที่ 10 ถนนเพทราชา ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
โทรศัพท์ 036-411235, 036-421088 โทรสาร 036-421088
ที่นี่ "โรงเรียนวัด"

ไม่สองภาษาก็นานาชาติ คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของพ่อแม่รุ่นใหม่ ส่วนโรงเรียนวัด ไม่เคยถูกจัดอยู่ในรายการ ยกเว้นโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี“โรงเรียนวัดมหรรณพ์” ถือเป็นโรงเรียนหลวงแห่งแรกของไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อให้ลูกหลานชาวบ้านหรือสามัญชนทั่วมีโอกาสได้เรี ยนหนังสือ ขณะเดียวกันโรงเรียนวัดมหรรณพ์ก็เป็นจุดเริ่มต้นของก ารพัฒนาด้านการศึกษาที่เป็นระบบสถาบัน จนกระทั่งเป็นรูปเป็นร่างมีแบบแผนมาจนถึงทุกวันนี้.. .วัดกับโรงเรียน จึงเป็นสถาบันสำคัญที่เคียงคู่กันมาเนิ่นนานแม้ว่าในปัจจุบันนี้ การศึกษาไทยจะก้าวข้ามวันเวลาพร้อมมีการพัฒนาการด้าน ต่างๆ มากขึ้น...แต่ถึงกระนั้นบางด้านของการศึกษาไทยก็ยังมีจุดบกพร่อ งหรือเกิดปัญหามากมาย จนทำให้การขับเคลื่อนระบบการศึกษาไทยสู่ความเป็นเลิศ ต้องติดๆ ขัดๆ หรือบางครั้งก็ต้องสะดุดแทบจะล้มเหลว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงส่งผลกันทั ้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นครูที่ไม่มีประสิทธิภาพ หลักสูตรที่มีปัญหา รวมทั้งผลที่ตกถึงบรรดาเด็กๆ จนทำให้อ่อนด้อยในด้านความคิดและวิชาการในขณะที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนพยายามจะแก้ไขจุด บกพร่องระบบการศึกษา ด้วยวิธีการหลากหลาย และเกิดผลลัพธ์ทั้งที่สำเร็จและล้มเหลวนั้น แต่ก็มีอยู่โรงเรียนหนึ่งซึ่งน่าสนใจ คิดและเขียนแผนปฏิรูปสถาบันขึ้นเอง จนประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ เป็นโรงเรียนที่หลายๆ คนเรียกว่า “โรงเรียนวัด”โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งอยู่ที่ ถ.เพทราชา ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีข้อมูลจากชาวบ้านรอบข้างบอกว่า เป็นโรงเรียนวัดที่มีผู้คนในหลายๆ จังหวัดใกล้เคียงต่างแย่งกันเพื่อให้บุตรหลานได้เข้า เรียนทั้งระดับชั้นมัธยมต้น และมัธยมปลายเดิมทีเดียว
โรงเรียนวินิตศึกษาเป็นโรงเรียนวัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2489 โดย พระพุทธวรญาณ (กิตติ บัวอ่อน ป.ธ.8) อดีตเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กับคณะศิษย์ 4 คน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ลูกหลานในลพบุรีได้เรียนหนังสื อพร้อมกับการฝึกอบรม คุณธรรมตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา และให้สามารถประกอบสัมมาอาชีพได้ ตลอดจนเป็นคนดีมีคุณธรรมในสังคม โดยใช้ศาลาวัดกวิศราราม และอาคารสถานที่ของวัดเป็นที่เรียน โดยท่านพุทธวรญาณรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเอง63 ปีผ่านไป ทุกวันนี้มีนักเรียนทั้งหมด 4,000 คน แต่ที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์ในการสร้างแนวทางพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภ าพและประสบผลสำเร็จ โดยไม่จำเป็นต้องยึดแนวทางของหน่วยงานการศึกษารัฐแต่ อย่างใดโรงเรียนกับวัดต้องไปด้วยกันโดยเฉพาะแนวความคิด และหลักการบริหารงานของพระราชพุทธิวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดกวิศราราม และรองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นผู้จัดการและผู้อำนวยการ
โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปัจจุบัน มีแง่มุมและความแตกต่างจากนักการศึกษาทั่วๆ ไปที่น่าหยิบยกมาพูดถึงจากสถิติการสอบเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรีย นชั้น ม.6
โรงเรียนวินิตศึกษา ในปีการศึกษา 2551 สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันระดับอุดมศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้ทุกคน (118 คน) โดยกระจายไปเกือบทุกสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ม.ธรรมศาสตร์, ม.เกษตรศาสตร์, ม.มหิดล, ม.ขอนแก่น, ม.เชียงใหม่, ม.แม่โจ้, โรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ม.ศิลปากร, ม.บูรพา, ม.นเรศวร ฯลฯโดยเฉพาะการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นแรกข องประเทศไทยนั้น เด็กนักเรียนจาก
โรงเรียนวินิตศึกษา สามารถสอบผ่านเข้าศึกษาในสถาบันแห่งนี้ถึง 3 คน พระราชพุทธิวราภรณ์ บอกว่า "นักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จำนวนมาก เป็นนักเรียนในโครงการเตรียมความรู้มุ่งสู่มหาวิทยาล ัยของ
โรงเรียนวินิตศึกษารุ่นแรก โดยทางโรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบกวดขันเป็นพิเศษ เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมในการสอบแข่งขันเข้าสู่ม หาวิทยาลัย มีการเรียนเข้มถึง 2 ทุ่มเกือบทุกวัน และในวันศุกร์ก็จะเชิญติวเตอร์จากมหาวิทยาลัยมาสอนเป็นพิเศษ"สิ่งที่น่ากล่าวถึงและถือการจัดสภาพบรรยากาศของโรงเรียน ที่ถือว่าปฏิวัติภาพเก่าๆ ของโรงเรียนวัด (ต่างจังหวัด) โดยสิ้นเชิง ที่
โรงเรียนวินิตศึกษาแล้ว มีการจัดสถานที่เป็นสัดส่วน โอ่อ่า และจัดแต่งบรรยากาศให้ดูดี ไม่ว่าจะเป็นห้องฉายหนัง โรงอาหาร ห้องประชุม ที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม โดยเฉพาะโรงอาหารและหอประชุมนั้น ใหญ่โต ทว่าสะอาดสะอ้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายระหว่างวัดกับโรงเรียนและสังคมนั้น พระราชพุทธิวราภรณ์ บอกถึงปณิธานแห่งความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกันว่า"วัดกวิศรารามราชวรวิหาร กับ
โรงเรียนวินิตศึกษา จะต้องร่วมสุขร่วมทุกข์ เพื่อความอยู่รอดด้วยกัน และเพื่อความมั่นคงของพระศาสนากับการศึกษา ความปลอดภัยของชาติ ศาสนายั่งยืนตลอดไป ที่สำคัญคือ เด็กวินิตต้องมีวินัย"เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน (วินิตศึกษา) กับวัดนั้น พระราชพุทธิวราภรณ์ บอกว่า มีอยู่ 3 ข้อที่ยึดถือและปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ คือ
1.วัดพึงส่งเสริม สนับสนุน อุปกรณ์ในโรงเรียน ด้วยความสำนึกว่า โรงเรียนเป็นสมบัติของวัด คนของโรงเรียนเป็นคนของวัด งานของโรงเรียนเป็นงานของวัด
2.โรงเรียนพึงช่วยเหลือ สนับสนุน และอุปถัมภ์วัด ด้วยความสำนึกว่า วัดคือต้นสังกัดของโรงเรียน
3.วัดพึงสำนึกว่า จะอยู่ได้เจริญงอกงามเพราะมีโรงเรียน และโรงเรียนจงสำนึกว่า จะอยู่ได้สบายเพราะมีวัด เพราะทั้งวัดทั้งโรงเรียนเป็นเหมือนบุคคลคนเดียวกัน
การศึกษากับศาสนาเป็นเรื่องเดียวกันนักเรียนคือลูกค้าในหลักการบริหารยุคใหม่นั้น พระราชพุทธิวราภรณ์ เน้นถึงเกมรุกผ่านกิจกรรมที่ม ีบทบาทต่อนักเรียนหลายรูปแบบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กนักเรียน และยังเป็นการสร้างนักเรียนให้มีคุณภาพ มีความแข็งแกร่งด้านวิชาการ เพื่อที่พวกเขาจะได้ศึกษาตามเส้นทางที่วาดหวังเอาไว้ ได้อย่างสำเร็จ"โดยหลักการบริหาร เราเปรียบนักเรียนเป็นลูกค้าคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนจะต้องดูแลบริการเขาอย่างเต็ม ที่และให้ดีที่สุดด้วย โดยเฉพาะด้านวิชาการและการสร้างให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ..."พระวิสุทธิ์พุทธิศาสตร์ยกตัวอย่างให้เห็นชัดยิ่งขึ้น เช่น ถ้าห้องเรียนไหนนักเรียนบ่นว่าร้อน หรือว่าแอร์เสีย...ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ จะถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ ฝ่ายที่ดูแลเรื่องแอร์จะต้องรับผิดชอบเต็มที่นอกจากนี้
โรงเรียนวินิตศึกษา ยังมีโครงการ "ช้างเผือก" โดยแสวงหาเด็กนักเรียนที่เรียนดี มีความขยัน ที่มีความประสงค์จะเล่าเรียนศึกษาต่อ แต่ยังขาดโอกาสทั้งทุนทรัพย์และผู้สนับสนุน สามารถจะเข้ามาศึกษาใน
โรงเรียนวินิตศึกษาได้ ไม่ว่าจะเป็นใน จ.ลพบุรี หรือจังหวัดอื่นๆ ก็ตามนอกจากนี้แล้ว พระราชพุทธิวราภรณ์ ยังบอกอีกว่า กิจกรรมอื่นๆ เช่น การกีฬา กิจกรรมงานศิลปะ โรงเรียนจะเชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญโดยตรงจากสถาบันอื่นๆ ในกรุงเทพฯ มาสอนให้ความรู้โดยเฉพาะ เรียกว่าเติมเต็มให้เข้มข้น และผลของมันก็ปรากฏให้เห็นแล้วสำหรับผลการสอบเขาศึกษ าต่อในระดับอุดมศึกษาครั้งล่าสุดที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น ใครที่ยังคิดว่าโรงเรียนวัดต่ำต้อย จงเปลี่ยนความคิดโดยพลันยิ่งกว่านั้น ถ้าลองคิดและฝันว่า ทุกจังหวัดในประเทศไทยมีโรงเรียนวัดแบบนี้ อย่างน้อยๆ จังหวัดละหนึ่งโรงเรียน...คุณค่าและภาพเก่าๆ ของโรงเรียนวัดแบบโรงเรียนวัดมหรรณพ์คงค่อยๆ กลับคืนมา
ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ด้วย
โรงเรียนวินิตศึกษา เป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา โดยบริบทนี้อาจจะทำให้ขาดความน่าสนใจ ขาดความน่าเชื่อถือจากผู้ปกครองและนักเรียน จึงเกิดความคิดที่เป็นความท้าทายในการบริหารตลอดเวลา ก็คือ
1.เราจะทำอย่างไรให้ผู้ปกครองและนักเรียนหันมาสนใจ หันมาให้ความเชื่อถือโรงเรียนวัดบ้าง
2.สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำอย่างไรจึงจะสร้างโรงเรียนวัดให้เกิดคุณภาพอันเป็น ลักษณะเด่นให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน ในตัวครู ในตัวโรงเรียนบ้าง จากแนวคิดนี้ จึงนำไปสู่การจัดทำแผนกลยุทธ์ กำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนนโยบาย หลังจากแผนเริ่มไประยะหนึ่ง ผลที่ได้รับเริ่มประจักษ์แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ปกครอง นักเรียน ในระดับที่น่าพอใจ
แล้วการศึกษาไทยในยุคนี้ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรปัจจุบันการจัดการศึกษาของไทยเรา
ก็คงต้องสรุปว่า...ในร้ายมีดี หมายถึง ที่วิพากษ์ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตกต่ำไปถึงขนาดนั้น อย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วความดีงามที่เกิดเป็นคุณูปการต่อการศึกษาไทยก็ยั งมีอยู่มากทีเดียว เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่ว นตระหนักในสิ่งต่อไปนี้บ้างคือ
1.ให้ผู้บริหาร ครู อาจารย์ นึกถึงเด็กมากกว่าตัวเอง นึกถึงความก้าวหน้าในอนาคตที่รออยู่ข้างหน้าของเด็ก มากกว่าตำแหน่ง/วิทยฐานะ ที่ตนจะพึงมี พึงได้ ของตัวเอง เพราะวันนี้มีการเบียดบังเวลาของนักเรียนมาทำผลงานส่ วนตนกันมากและกว้างขวาง
2.การจัดภาพรวมของการศึกษาทั้งระบบให้เป็นมิติเดียวก ัน หมายถึง จัดระบบการศึกษาของเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ คือ ในชีวิตของนักเรียน 1 คน เขาจะเรียนอย่างไร จบแล้วจะทำงานที่ไหนได้ จะดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะอยู่อย่างพอเพียง มีความสุขได้ ทุกวันนี้การศึกษาขั้นพื้นฐานว่าอย่าง คัดเด็กเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาก็ว่าอีกอย่าง ในที่สุดก็เป็นแบบที่เรารู้ เราเห็นกัน จบปริญญามาไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถพอในการทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาไม่รู้จบ
ได้วางแผนเป็นแนวทางในการพัฒนา 3 ด้าน คือ
1.ด้านอาคารสถานที่
ในสภาพปัจจุบัน โรงเรียนอยู่กันอย่างแออัดมาก ส่งผลกระทบไปถึงการขาดแคลนห้องปฏิบัติการต่างๆ ทางวัดและโรงเรียนจึงจัดโครงการจัดตั้งอนุสรณ์สถานพร ะเดชพระคุณหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ และศูนย์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพื้นที่ 200 กว่าไร่ อันประกอบไปด้วยอาคารเรียน ห้องปฏิบัติการต่างๆ โรงอาหาร ศูนย์วิทยบริการ ห้องประชุม ฯลฯ เพื่อรองรับและพัฒนานักเรียนให้เต็มศักยภาพ
2.ด้านองค์กร/บุคลากร
โรงเรียนจะสร้างให้โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู ้ บุคลากรทุกคนมีความพร้อม คือ มีความรู้ มีความชำนาญ และมีใจ ในการขับเคลื่อนงาน เพื่อนำโรงเรียนไปสู่ความเป็นเลิศทุกด้าน
3.ด้านนักเรียน
โรงเรียนต้องจัดการให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้ง 2 ส่วน คือ ศึกษา เป็นส่วนวิชาการในวิชาต่างๆ และอบรม ซึ่งเป็นส่วนแห่งการปลูกฝัง สร้างจิตวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ หล่อหลอมให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีสืบไป

ที่นี่ "วัดกวิศฯ"สร้าง ร.ร.วินิตศึกษา 2 อนุสรณ์ "พระพุทธวรญาณ"
ในวโรกาสอันเป็นศุภวารมงคลแห่ง 108 ปี ชาตกาลของหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ (กิตติ บัวอ่อน ป.ธ.๘) อดีตเจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร จังหวัดลพบุรี และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 56 พรรษา ปี พ.ศ.2554 วัดกวิศราราม, โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ จึงร่วมกันจัดโครงการจัดตั้งอนุสรณ์สถานพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ และศูนย์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (โรงเรียนวินิตศึกษา แห่งที่ 2)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
1.แสดงความกตัญญูกตเวทีแด่หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ
2.เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ราชูปถัมภ์ฯ

ทั้งนี้ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 4 ก.พ.2552 ที่ผ่านมา โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธี และนายจารุพงศ์ พลเดช ผู้ว่าฯ ลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการจัดสร้างอนุสรณ์สถานพระเดชพระคุณพระพุทธวรญาณ และศูนย์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ราชูปถัมภ์ฯ โรงเรียน ประกอบด้วยอาคารเรียน 5 ชั้น จำนวน 3 หลัง ขนาดความยาวหลังละ 119 เมตร อาคารประกอบหอประชุม สนามกีฬา ฯลฯ
2.ส่วนอนุสรณ์สถาน ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ รวบรวมประวัติ รวมทั้งผลงานของพระพุทธวรญาณ การดำเนินการปัจจุบันได้จัดซื้อที่ดินประมาณ 200 กว่าไร่เศษ สิ้นงบประมาณในการจัดซื้อและปรับถมพื้นที่ไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท
หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างศูนย์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (โรงเรียนวินิตศึกษา แห่งที่ 2) บริเวณ ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี คาดว่าจะใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท โดยจะดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2554 กล่าวสำหรับโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ ก่อตั้งขึ้นโดยหลวงพ่อพระพุทธวรญาณร่วมกับคณะศิษย์ 4 คน เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2489 มีจุดประสงค์เพื่ออุปการะเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาให้มีสถานที่ศึกษา และเพื่อให้เยาวชนไทยได้รับการฝึกอบรมคุณธรรมทางพระพุทธศาสนา และต้องการเผยแผ่ศาสนาให้กับนักเรียน และผู้ปกครอง ควบคู่กับการเรียนวิชาสามัญ เพื่อเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีอันเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาที่สำคัญประการหนึ่ง โดยเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 มีนักเรียน 120 คน ครู 7 คน ในระยะเริ่มต้นได้ใช้ศาลาวัด หอสวดมนต์ และกุฏิหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ เป็นสถานที่เรียน โดยได้รับความอุปการะบริจาคอุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอนจากเจ้าอาวาสวัดต่างๆ และพุทธศาสนิกชนในจังหวัดลพบุรี ครูผู้สอนได้มาจากศิษย์ของหลวงพ่อ และข้าราชการครูในจังหวัดลพบุรีบางท่านมาช่วยสอนให้เปล่า โดยไม่คิดเงินค่าจ้างด้วยการอุทิศการทำงานด้วยความเสียสละ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ และสติปัญญา ความรอบรู้ ในการจัดการศึกษาของหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ

อีกทั้งได้รับการสานปณิธานต่อโดยพระราชพุทธิวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามรูปปัจจุบัน และผู้อำนวยการโรงเรียนวินิตศึกษา ทำให้โรงเรียนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ได้รับความเชื่อถือไว้ใจจากทางราชการ และผู้ปกครองนักเรียนเป็นอย่างดี โดยปีการศึกษาปัจจุบัน ปี 2551 เปิดสอนระดับชั้น ม.1-ม.6 มีนักเรียนจำนวน 4,051 คน คณะครู 145 คน ครูชาวต่างประเทศ 7 คน ครูพิเศษ 28 คนพระวิสุทธิ์พุทธิศาสตร์กล่าวว่า อาตมาอยากจะทำโรงเรียนวัดที่มีเด็กนักเรียนสัก 10,000 คน เพราะได้ยินมาบ่อยๆ ว่าโรงเรียนในศาสนาอื่นหลายโรงเรียนมีนักเรียนถึงหลักหมื่น เมืองไทยเป็นเมืองพุทธแท้ๆ ก็น่าจะมีโรงเรียนวัดสักแห่งหนึ่งในประเทศที่มีนักเรียนหลักหมื่นคนบ้าง ซึ่งหากจะให้งานทั้ง 2 ส่วนเสร็จสมบูรณ์คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณถึง 1,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่จะใช้เป็นทุนดำเนินการมาจากเงินสะสมที่ทางวัดและโรงเรียนเก็บไว้ อีกส่วนหนึ่งเป็นการระดมทุนจากศิษย์เก่า และผู้มีจิตศรัทธา อย่างไรก็ตาม พุทธศาสนิกชนที่ประสงค์จะร่วมบุญครั้งนี้ ติดต่อโดยตรงได้ที่ ร.ร.วินิตศึกษา ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เลขที่ 10 ถ.เพทราชา ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี หรือร่วมทำบุญผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 111-0-41168-5 ชื่อบัญชี "กองทุนจัดซื้อที่ดินสร้างอนุสรณ์สถานพระพุทธวรญาณ" และธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 304-2-73450-3 ชื่อบัญชี "โรงเรียนวินิตศึกษา"
แผนที่การเดินทางไปอนุสรณ์สถานพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ

เข้าสู่เว็บไซด์โรงเรียนวินิตศึกษาในพระราชูปถัมภ์ฯ คลิกที่นี่ http://winitsuksa.ws.ac.th/